Search

ทฤษฎีสัญญาประชาคมในเชิงพุทธศาสนา
(ปรัชญากฎหมา...

  • Share this:

ทฤษฎีสัญญาประชาคมในเชิงพุทธศาสนา
(ปรัชญากฎหมายไทยสมัยสุโขทัย)

กำเนิดผู้ปกครองนั้น ผู้ปกครองมาจากการตกลงของคนและการปกครองนั้นภาพรวมทั้งหมดจะเห็นว่าการใช้อำนาจปกครองต้องมีกรอบมีเกณฑ์ในตัว เพราะว่าการเลือกหรือการค้นหาคนที่มาเป็นผู้ปกครอง โดยมีข้อจำดักข้อความว่า “….สัตว์เหล่านั้นพากันเข้าไปหาสัตว์ที่สวยงามกว่าน่าดู น่าชมกว่าน่าเลื่อมใสกว่า และน่าเกรงขามกว่าสัตว์ทุกคน แล้วจึงแจ้งเรื่องนี้ว่าข้าแต่ท่านเจริญ มาเถิดพ่อคุณของพ่อ จงว่ากล่าวผู้ที่ ควร ว่ากล่าว จงติเตียนจงขับไล่ผู้ที่ ควร ขับไล่ โดยชอบเถิด ส่วนพวกข้าพระเจ้าเฉลี่ยกันแบ่งข้าวสาลีให้แก่พ่อ“
จะเห็นได้ว่าใช้คำว่า “ควร” ทั้งนั้น ซึ่งจะมีนัยว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมคนที่ใช้อำนาจปกครองจึงต้องใช้ภายใต้กรอบของความชอบความควร (ชอบธรรม) ซึ่งพอจะตีความได้ว่ามันเป็นเสมือนเงื่อนไขโดยการใช้อำนาจ เงื่อนไขในการปกครอง จึงควรจะต้องติเตียนคนที่ติเตียน ขับไล่ผู้ที่ควรขับไล่ไม่ใช่ว่าใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ
เพราะฉะนั้น สัญญาประชาคมแบบนี้จึงไม่ใช่สัญญาประชาคมที่ประชาชนให้อำนาจผู้ปกครองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่าเป็นเงื่อนไข คือ การใช้อำนาจต้องใช้บนเงื่อนของความถูกต้องชอบธรรม ผู้ปกครองในแง่นี้จึงไม่ใช่เจ้าชีวิต หรือเทวราชาที่มาจากฟากฟ้า แต่มาจากการสมมุติของคน
ในแนวคิดของพุทธศาสนาจะเห็นว่า ไม่สนับสนุนความคิดในแบบที่มองกษัตริย์ว่าเป็นเสมือนเจ้าชีวิตหรือมองกษัตริย์เป็นเสมือนเทวราชา เพราะถือกษัตริย์นั้นมีความสัมพันธ์ในการขึ้นสู่อำนาจหรือการใช้อำนาจบนพื้นฐานของความถูกต้อง จากกำเนิดผู้ปกครองก็นำไปสู่ การกำเนิดรัฐ กำเนิดกฎหมาย ในเมื่อมีผู้ปกครองขึ้นมาก็เสมือนว่าเป็นหรือขยายบทบาทของรัฐอยู่สูงสุด การพัฒนาถึงการเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับรัฐนี้อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นผลพวงของการรับอิทธิพลของพุทธศาสนาแบบมหายานเข้ามาปน
เมื่อพิจารณาถึงดินแดนที่ใกล้เคียงกับสุโขทัยสมัยนั้น ดินแดนเขมรซึ่งมีอาณาเขตใกล้เคียงกับสุโขทัย มีการนับถือพุทธศาสนาแบบมหายานแล้วมีความเชื่อว่ากษัตริย์เป็นเสมือนพระโพธิสัตว์ผิวโลกิเตศวร เป็นบุคคลที่จะนำชีวิตทั้งหลายไปสู่การหลุดพ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าความเชื่อในพุทธศาสนามหายาน เรื่องพระโพธิสัตว์นั้นได้เข้าคลุกเคล้าผสมผสานกับพระพุทธศาสนานิกายหินยาน แล้วทำให้กษัตริย์ของไทยมีความคิดเช่นนี้ตามไปด้วย
เรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมดในอัคคัญสูตรเกี่ยวกับการวิวัฒน์ของโลกมนุษย์ จุดสู่การกำเนิดผู้ปกครองหรือรัฐไม่มีกล่าวถึงกฎหมายโดยตรงเลยสักครั้ง แต่หากแฝงไว้ด้วยนัยของปรัชญากฎหมายเช่นกัน เราอาจพิจารณาไปยังเรื่องกำเนิดแห่งรัฐตอนท้ายสุดของเรื่องโยงไปสู่ประเด็นความสัมพันธ์รัฐและกฎหมาย แม้ว่าทั้งสิ่งนี้จะไม่ใช่สถาบันอันเป็นคู่แฝดที่ต้องติดตามไปด้วยตลอดเวลาทุกยุคทุกยุคทุกสมัยหรือทุกขั้นตอนการพัฒนาของสังคม หากโดยทั่วไปรัฐและกฎหมายก็มักมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดประหนึ่งวัตถุกับเงา ดังกฎหมายจะมีบทบาทเสมือนเครื่องมืออันสำคัญยิ่งของรัฐในการจัดการปกครอง เจตจำนงแห่งรัฐจึงมักปรากฏชัดเจนเป็นรูปธรรมในกฎหมาย เช่นเดียวกับที่เป้าหมายหรือปรัชญาในการปกครองของรัฐก็มักแสดงออกที่กฎหมายด้วยเช่นกัน โดยเหตุนี้ การศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับกำเนิดของรัฐและแนวทางของการใช้อำนาจรัฐตามคติของพุทธศาสนาจากต้นเหง้าของพระไตรปิฎก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ช่วยฉายภาพให้เห็นสิ่งเป็นรากฐานในทางตรงและรากฐานแห่งกฎหมายในทางอ้อม ซึ่งล้วนเป็นรากฐานแห่งธรรมะอันเดียวกัน ในเมื่อผู้ปกครองหรือรัฐกำเนิดขึ้นมาเพื่อรักษาธรรมหรือระเบียบธรรมชาติของสังคมไม่ให้ถูกย่ำยีทำลาย กลไกกฎหมายซึ่งเป็นเครื่องมือแห่งรัฐก็ย่อมถือกำเนิด เพื่อจุดประสงค์ทางธรรมดุจกัน โดยมุ่งควบคุมมิให้มีการเบียดเบียนชีวิต ทรัพย์สิน หรือเอารัดเอาเปรียบ ในแง่นี้หากจะมองจุดประสงค์ดังกล่าวในทางโลก กฎหมายหรือระบบกฎหมายภายใต้คตินี้ย่อมมีลักษณะเป็นสังคมในตัวเอง
เรื่องที่น่าพิจารณาต่อก็คือ ในเมื่อกฎหมายสัมพันธ์กับรัฐหรือผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด จุดหมายแห่งธรรมะในการปกครองของรัฐหรือผู้ปกครองก็สะท้อนออกเป็นจุดหมายแห่งกฎหมายด้วย ในลักษณะนี้น่าคิดว่าการแบ่งแยกลักษณะของผู้ปกครองเป็นกษัตริย์ ราชาและจักรพรรดิส่งผลเป็นความแตกต่างในแง่ความเข้มข้นของจุดหมายเชิงจริยธรรมของกฎหมายเพียงใด เป็นไปได้หรือไม่ที่ปรัชญากฎหมายของรัฐที่มีผู้ปกครองในลักษณะจักรพรรดิจะเน้นมาตรฐานทางศีลธรรมอย่างสูงส่ง ภารกิจของจักรพรรดิมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ถึงขั้นนำมาทวยราษฎรก้าวสู่พระนิพพานที่เป็นแนวความคิดแบบพุทธรรมนิยม
แต่อย่างไรก็ตาม คำถามนี้อาจมีลักษณะพาดพิงเป็นประเด็นทางความคิดที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในแง่ของข้อเท็จจริง การศึกษาถึงเรื่องการใช้อำนาจทางกฎหมายของกษัตริย์ที่ดำรงในลักษณะจักรพรรดิหรือพระโพธิสัตว์ น่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นคำตอบ คำถาม ในยุคสมัยของสุโขทัย พระยาลิไทยดูเหมือนเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งที่พยายามดำเนินบทบาทในลักษณะนี้ โดยพิจารณาได้จากไตรภูมิพระร่วง


Tags:

About author
not provided
ปัจุบัน พ้นจากการโมฆะบุรุษ รองศาสตราจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์
View all posts